อ.เอก บุญฤทธิ์,088-593-8715,ไสยศาสตร์ขั้นสูง, worldSaiyasard,ake555559999,พิธีกรรมไสยศาสตร์,ไสยศาสตร์ล้านนา,โดนทำของใส่,ผ่าจ้าน,สักยันต์,ทำเสน่ห์,ถอนเสน่ห์,โดนเสน่ห์,แก้เสน่ห์,ทำคุณไสย,แก้คุณไสย,ถอนคุณไสย,โดนคุณไสย,ไสยศาสตร์สายขาว,ไสยศาสตร์สายดำ,ไสยศาสตร์มนต์ขาว,ไสยศาสตร์มนต์ดำ,เครื่องรางของขลัง,วัตถุมงคล,ลงนะหน้าทอง,เสริมดวง,แก้กรรม,สายขาว,สายดำ,น้ำมันพราย,กุมารทองผี,เวทมนต์คาถา ยินดีต้อนรับสู่โลกไสย์ศาสตร์.com   อ.เอก บุญฤทธิ์,088-593-8715,ไสยศาสตร์ขั้นสูง, worldSaiyasard,ake555559999,พิธีกรรมไสยศาสตร์,ไสยศาสตร์ล้านนา,โดนทำของใส่,ผ่าจ้าน,สักยันต์,ทำเสน่ห์,ถอนเสน่ห์,โดนเสน่ห์,แก้เสน่ห์,ทำคุณไสย,แก้คุณไสย,ถอนคุณไสย,โดนคุณไสย,ไสยศาสตร์สายขาว,ไสยศาสตร์สายดำ,ไสยศาสตร์มนต์ขาว,ไสยศาสตร์มนต์ดำ,เครื่องรางของขลัง,วัตถุมงคล,ลงนะหน้าทอง,เสริมดวง,แก้กรรม,สายขาว,สายดำ,น้ำมันพราย,กุมารทองผี,เวทมนต์คาถา

 World of Saiyasard

อีเมล์
รหัสผ่าน
ลืมรหัสผ่าน
สมัครสมาชิก
💥จารึกผลงาน💥
ผู้ชม
วันนี้ 49
เมื่อวาน 63
ทั้งหมด 170,039
ชมหน้าอื่นๆ
วันนี้ 63
เมื่อวาน 81
ทั้งหมด 193,692
การสักบนร่างกาย

 การสักยันต์,สัก,รูปการสักยันต์,รูปการสัก

การสักบนร่างกาย

    การสักลวดลาย เลขอักขระต่างๆ ลงบนผิวหนัง หรือที่เรียกกันว่าการสักลายหรือสักยันต์ เป็นความเชื่อที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย  หากแต่วัตถุประสงค์ของการสักลวดลายต่างๆ ลงบนผิวหนังก็มาผันแปรไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป จากเดิมเพื่อใช้แสดงกรม กองหรือสังกัดของชายไทยที่รับราชการสนองคุณแผ่นดิน มาเป็นการสักเพื่อสร้างขวัญกำลังใจ ก่อนมาสู่ยุคของการสักลวดลายที่เป็นงานศิลปะบนเรือนร่างหรือเพื่อความสวยงามในปัจจุบันแทน

     ความหมายของการสัก คือการนำเหล็กแหลมจุ่มน้ำหมึก (เรียกสักหมึก) หรือน้ำมัน (เรียกสักน้ำมัน) แล้วแทงลงที่ผิวหนังเป็นให้เป็นลวดลาย อักขระ เครื่องหมาย เลขยันต์ต่างๆ  และคนที่ทำหน้าที่สักยันต์ให้ก็จะต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถ ชำนาญในการสักที่สืบทอดวิชาความรู้ต่อๆ กันมา ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นพระสงฆ์หรือผู้อาวุโสที่ร่ำเรียวิชาสักยันต์มา

   ปัจจุบันเครื่องไม้เครื่องมือในการสักมีการพัฒนารูปแบบไปไกลมา จากเหล็กปลายแหลมแท่งยาวๆ กลายเป็นเครื่องมือที่มีหัวเข็มขนาดเล็กแทน หมึกที่ใช้ก็เป็นหมึกสีต่างๆ ส่วนคนที่ทำหน้าที่สัก ถูกเรียกในฐานะช่างสักมากกว่าครูบาจารย์ในการสัก

การสักยันต์ในสมัยก่อน มีอยู่ ๒ รูปแบบด้วยกัน คือ หนึ่ง มีไว้เพื่อเป็นเครื่องหมายหรือหลักฐานแสดงตัว เช่น การสักเลกที่ข้อมือของชายหนุ่มเพื่อเป็นการขึ้นทะเบียนตามสังกัด กรมกองต่างๆ ซึ่งมีหลักฐานว่าการสักเลกนี้มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น แผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ. ๑๙๙๑ พ.ศ. ๒๐๓๑)

สอง เป็นการสักตามความเชื่อ ความศรัทธา ขวัญกำลังใจ เสน่ห์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ป้องกันภยันอันตรายต่างๆ  แพร่หลายในหมู่ชาวบ้านทั่วไปที่นิยมสักเลกยันต์ต่างๆ ที่หน้าอก แผ่นหลัง หรือแขน โดยจะมีการประกอบพิธีควบคู่ไปด้วย เช่น ก่อนทำการสักจะต้องทำพิธีไหว้ครู มีการร่ายเวทมนต์คาถา ลวดลายที่ใช้สักมีให้เลือกแล้วแต่สำนักสัก ด้วยเหตนี้การสักประเภทนี้แต่ละคนก็จะมีลวดลายไม่เหมือนกัน

  ปัจจุบันความเชื่อ ความศรัทธาในการสักแม้จะมีอยู่แต่ก็ลดน้อยถอยลงไปเป็นจำนวนมาก เนื่องจากขาดผู้ชำนาญ ผู้สักที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญแท้จริง ประกอบกับครูบาอาจารย์สักรุ่นเก่าๆ บางท่านก็ไม่ได้ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้กับศิษย์รุ่นหลัง ทำให้ความรู้ความสามารถสูญหายตายไปพร้อมกับครูบาอาจารย์  รวมทั้งความเชื่อที่ว่าคนที่มีลายสักมักจะเป็นนักเลงหัวไม้บ้าง เป็นคนคุกคนตารางมาก่อน แม้แต่ในวงราชการก็กำหนดห้ามไม่ให้คนที่จะสอบเข้ารับราชการมีรอยสักยิ่งทำให้การสักค่อยถอยห่าง หายไปจากสังคมไทยมากขึ้น

  การสักที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจะเน้นไปที่การสักเพื่อความสวยงาม หรือเป็นงานศิลปะบนเรือนร่างเท่านั้น และได้รับความนิยมทั้งชายและหญิง ซึ่งต่างจากสมัยโบราณที่จะมีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่จะสักบนร่างกาย และเป็นการสักที่เกี่ยวข้องกับประเพณี ความเชื่อในสังคมไทย 

ขอบคุณที่มา http://ประเพณี.net

 

โลกไสย์ศาสตร์.com  

 ------------------------------------------------------------

               

💥สนใจติดต่อ .เอก บุญฤทธิ์ ให้ติดต่อทางไลน์(Line-ID)ก่อนนะครับ แล้วท่านถึงจะนัดพูดคุยด้วยนะครับ 


อาจารย์เอก บุญฤทธิ์ (เบอร์ตรง)


              0885938715 

Line-ID    ake555559999
 
เว็บสำเร็จรูป
×